PBN คืออะไร?
Private Blog Network หรือ PBN คือ เครือข่ายบล็อกส่วนตัวที่สร้างขึ้นมาเพื่อทำ Backlink ให้กับเว็บไซต์หลักของเราเอง ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การทำ Off-Page SEO ที่สามารถกระตุ้นศักยภาพของเว็บไซต์หลักได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทคนิคนี้คล้ายคลึงกับการสร้าง Backlink จากเว็บไซต์อื่น แต่ต่างกันตรงที่เราเป็นผู้สร้างบล็อกขึ้นมาเองเพื่อลิงก์กลับไปยังเว็บไซต์หลักของเรา
ทำไมต้องทำ PBN
การทำ Private Blog Network (PBN) มีประโยชน์หลายประการที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ SEO และ Backlink ให้กับเว็บไซต์หลักของเรา ดังนี้:
1. ประหยัดเวลาและลดความซับซ้อน การทำ PBN ช่วยให้การสร้าง Backlink เป็นเรื่องง่ายและรวดเร็วขึ้น เนื่องจากเราไม่ต้องเสียเวลาหาเว็บบอร์ดหรือเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง และไม่ต้องจ่ายเงินเพื่อเข้าถึงเว็บไซต์เหล่านั้น PBN ช่วยให้กระบวนการสร้าง Backlink เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น
2. ควบคุมทิศทางของเนื้อหาได้อย่างอิสระ การทำ PBN ช่วยให้เราสามารถกำหนดทิศทางของเนื้อหาบนเว็บไซต์ได้ตามต้องการ ไม่ว่าเนื้อหาของเว็บไซต์หลักจะเกี่ยวข้องกับอะไร เราก็สามารถสร้าง PBN ให้สอดคล้องกับเว็บไซต์หลักได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพของ Backlink ที่ส่งกลับมายังเว็บไซต์หลัก
3. ลิงก์อยู่นาน ไม่ถูกลบ คุณภาพไม่ตก เมื่อเราสามารถควบคุมเนื้อหาบนเว็บไซต์ PBN ได้ เราก็จะสามารถรักษาคุณภาพของเนื้อหาได้อย่างสม่ำเสมอ Backlink ที่ทำไว้จะไม่ถูกลบหรือเสียคะแนน ลิงก์จะมีอายุการใช้งานยาวนาน ทำให้เรามีเวลาเหลือไปปรับปรุงเว็บไซต์หรือดำเนินกลยุทธ์อื่น ๆ ได้ตามความเหมาะสม
การทำ PBN เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการสร้าง Backlink ที่มีคุณภาพ ช่วยเพิ่มอันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหา และทำให้เว็บไซต์หลักมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นในสายตาของ Google

การทำงานของ PBN:
ในการสร้าง PBN เนื้อหาบนบล็อกที่เราสร้างจะต้องเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนเนื้อหาบนเว็บไซต์หลักของเรา การปรับปรุงและพัฒนา PBN ให้เหมือนกับเว็บไซต์ที่มีอยู่จริงๆ ช่วยทำให้อัลกอริทึมของ Google มองเห็นการเชื่อมโยงลิงก์ที่เชื่อถือได้ ส่งผลให้เว็บไซต์ของเรามีโอกาสถูกจัดอันดับสูงขึ้นในผลการค้นหา
ข้อดีของการใช้ PBN:
- ควบคุมได้ทั้งหมด: ไม่ต้องพึ่งพาการจ้างทำ Backlink จากเว็บไซต์อื่น
- เนื้อหาที่สอดคล้อง: สามารถสร้างเนื้อหาที่สอดคล้องและสนับสนุนเว็บไซต์หลักได้ตามต้องการ
- เพิ่มคะแนน SEO: หากเนื้อหาบน PBN มีคุณภาพดี อัลกอริทึมของ Google จะมองว่าเนื้อหามีประโยชน์และเพิ่มคะแนน SEO ให้กับเว็บไซต์หลัก
ข้อเสียของการใช้ PBN:
- ค่าใช้จ่ายสูง: การสร้าง PBN ต้องจดโดเมนและเช่า Web Hosting สำหรับแต่ละบล็อก ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนสูงขึ้นมาก
- ต้องการความชำนาญ: การสร้างและดูแล PBN ต้องการทีมงานที่มีความชำนาญในการสร้างและจัดการเว็บไซต์
- ความเสี่ยงจาก IP ซ้ำกัน: หากสร้าง PBN หลายโดเมน แต่ละโดเมนไม่ควรมี IP ซ้ำกัน ซึ่งหมายความว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเช่า Web Hosting เพิ่ม
การสร้าง PBN ที่มีประสิทธิภาพ: การสร้าง PBN ที่มีประสิทธิภาพต้องมีการจัดการที่ดีและเนื้อหาคุณภาพสูง แม้ว่า PBN จะเป็นกลยุทธ์ที่มีค่าใช้จ่ายสูง แต่หากมีงบประมาณพอ การลงทุนใน PBN อาจนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่คุ้มค่า
สรุปแล้ว PBN เป็นเทคนิคการทำ Off-Page SEO ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับเว็บไซต์หลักได้ แต่ก็มีค่าใช้จ่ายสูงและต้องการความชำนาญในการจัดการ หากมีงบประมาณเพียงพอ การใช้ PBN จะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจในการเพิ่มคะแนน SEO และการมองเห็นของเว็บไซต์ในผลการค้นหา
ประเภทของ PBN
การสร้าง Private Blog Network (PBN) สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก คือ PBN แบบมีคุณภาพและ PBN แบบไม่มีคุณภาพ ซึ่งแต่ละประเภทมีข้อดีและข้อเสียต่างกันไป
PBN แบบมีคุณภาพ
PBN แบบมีคุณภาพคือเว็บไซต์ที่ถูกสร้างและปรับปรุงตามเกณฑ์มาตรฐาน SEO ของ Google ทำให้ดูเหมือนเว็บไซต์จริงที่มีคุณภาพสูง บางครั้งเว็บไซต์เหล่านี้อาจเป็นเว็บไซต์ที่เราคุ้นเคยหรือเคยคลิกเข้าไปอ่านบทความ ข้อดีและข้อเสียของการสร้าง PBN แบบมีคุณภาพมีดังนี้:
ข้อดี:
- ไม่เสี่ยงโดนแบน: เนื่องจากเว็บไซต์ถูกสร้างขึ้นอย่างถูกต้องตามเกณฑ์ที่อัลกอริทึมของ Google กำหนด
- ควบคุมเนื้อหาได้: สามารถควบคุมประเภทของเนื้อหาให้สอดคล้องกับเว็บไซต์หลัก ซึ่งช่วยเสริมศักยภาพในการทำ Backlink ให้ติดอันดับได้รวดเร็ว
- ปรับเปลี่ยน Backlink และคีย์เวิร์ดได้เอง: ไม่ต้องพึ่งพาเจ้าของเว็บไซต์อื่นในการปรับเปลี่ยน เนื่องจากสามารถทำได้เองตามการเปลี่ยนแปลงของอัลกอริทึม Google
- คุ้มค่าลงทุน: หากมีงบประมาณเพียงพอ การสร้าง PBN แบบมีคุณภาพจะมีอายุการใช้งานนานและรักษากฎของ Google ได้ดี
- ต้นทุนถูกกว่า: การสร้าง PBN แบบมีคุณภาพมีต้นทุนรวมที่ถูกกว่าการซื้อ Backlink จากเว็บไซต์ชื่อดังเป็นรายครั้ง
ข้อเสีย:
- ใช้เวลานาน: การสร้าง PBN แบบมีคุณภาพต้องใช้เวลาในการปรับแต่งและพัฒนาให้ดีตามหลัก SEO ซึ่งอาจใช้เวลา 6 เดือนถึง 1 ปี
- ต้องการทักษะด้านเทคนิค: ผู้ที่ไม่มีทักษะด้านเทคนิคหรือการใช้ระบบหลังบ้านอาจต้องจ้างทีมงานมาดูแลเว็บไซต์ ซึ่งเพิ่มค่าใช้จ่ายในการลงทุน

PBN แบบไม่มีคุณภาพ
แม้ว่าชื่อจะบอกว่า “ไม่มีคุณภาพ” แต่ PBN แบบนี้ก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์เสมอไป PBN แบบไม่มีคุณภาพหมายถึงการสร้างเครือข่ายบล็อกโดยใช้โดเมนเก่าที่มีคะแนนสูง (Domain Authority) แต่ไม่มีปริมาณการเข้าชมจริง (Traffic) จุดประสงค์คือเพื่อประโยชน์ทาง SEO โดยเฉพาะ ซึ่งไม่มีคนเข้าชมจริงๆ และบางทีอาจไม่มีคีย์เวิร์ดที่ติดอันดับบนหน้าผลการค้นหา
PBN แบบไม่มีคุณภาพเป็นทางลัดที่หลายคนเลือกใช้เพราะเห็นผลไวกว่า แม้จะต้องยอมแลกกับจำนวนคนเข้าเว็บไซต์ที่น้อย แต่หากมีโดเมนมากพอและส่งลิงก์กลับมายังเว็บไซต์หลักอย่างสม่ำเสมอ ก็สามารถทำให้เว็บไซต์หลักติดอันดับได้จริง
ข้อดีของการทำ PBN แบบไม่มีคุณภาพ:
- ไม่ต้องเริ่มต้นใหม่: การซื้อต่อเว็บไซต์เก่าที่มีคะแนนสูง ช่วยประหยัดเวลาในการสร้างเว็บไซต์ใหม่ตั้งแต่เริ่มต้น
- โอกาสติดอันดับเร็ว: เว็บไซต์ที่ขายต่อมักมีคะแนนสูง จึงมีโอกาสติดอันดับได้เร็วกว่าการสร้างเว็บไซต์ใหม่
- ประหยัดเวลาในการดูแล: เปลี่ยนแค่เนื้อหาและทำ Backlink ตามคีย์เวิร์ดที่ต้องการ ไม่ต้องดูแลเว็บไซต์ทั้งหมด
- ต้นทุนต่ำ: ไม่ต้องใช้ทีมงานจำนวนมากในการสร้างและดูแลเว็บไซต์ใหม่ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
ข้อเสียของการทำ PBN แบบไม่มีคุณภาพ:
- เสี่ยงโดนแบน: มีโอกาสสูงที่จะถูก Google แบน หรือหายไปจากหน้าผลการค้นหา อันดับอาจตกลงอย่างรวดเร็ว
- อายุการใช้งานสั้น: เนื่องจากไม่ใช่การสร้างเครือข่ายอย่างถูกต้อง อายุการใช้งานมักสั้นกว่า PBN แบบมีคุณภาพ
- ต้องการความเชี่ยวชาญ: จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญในการทำ ไม่เช่นนั้นอาจไม่ได้ผลตามต้องการ
- ต้องทำอย่างต่อเนื่อง: ต้องซื้อโดเมนจำนวนมากและทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่สามารถหยุดได้ เนื่องจากไม่ได้รับ Backlink แบบธรรมชาติ
สรุปแล้ว การทำ PBN แบบไม่มีคุณภาพสามารถเป็นทางลัดที่ช่วยให้เว็บไซต์หลักติดอันดับได้เร็ว แต่มีความเสี่ยงและข้อจำกัดมากมาย ในขณะที่ PBN แบบมีคุณภาพเหมาะสำหรับการทำ SEO ระยะยาว มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัยกว่า แม้จะต้องลงทุนสูงกว่าและใช้เวลานานกว่าในการสร้างและพัฒนาเว็บไซต์
สรุป PBN คืออะไร
PBN (Private Blog Network) เป็นเทคนิคยอดนิยมที่ช่วยกระตุ้นอันดับของเว็บไซต์ โดยแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ PBN แบบมีคุณภาพและ PBN แบบไม่มีคุณภาพ หลายๆ คนมักเลือกทำ PBN แบบไม่มีคุณภาพโดยใช้จำนวนเข้าสู้แทนที่จะสร้างเว็บไซต์ใหม่ตั้งแต่ศูนย์ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจที่เลือกทำ PBN แบบไม่มีคุณภาพก็ต้องแข่งขันกันเองว่าใครจะสามารถซื้อโดเมนและสร้างลิงก์กลับมาที่เว็บไซต์หลักได้มากกว่า ซึ่งไม่สามารถการันตีได้ว่าจะเห็นผลมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากแต่ละเว็บไซต์ที่แข่งขันกันมีคะแนนสูงอยู่แล้ว
แนะนำว่าถ้าอยากปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพจริง ควรทำ PBN แบบมีคุณภาพมากกว่า นอกจากนี้ PBN SEO ควรทำในจำนวนจำกัด และควรสร้าง Backlink แบบธรรมชาติควบคู่กันไป เช่น การทำ Advertorial หรือ PR News ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ในระยะยาว เพิ่มจำนวนคนเข้าเว็บไซต์ และสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ได้จริง
หากใครกำลังมองหาบริษัทรับทำ SEO ที่มีคุณภาพ DIGITAL IM เป็นเอเจนซีการตลาดอันดับหนึ่งของไทยที่มีผู้เชี่ยวชาญ เรายินดีให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการทุกราย พร้อมออกแบบแผนการตลาดที่เหมาะสมกับธุรกิจของลูกค้าโดยเฉพาะ ติดต่อเราได้เลยวันนี้